เรื่องไม่ลับ-ฉบับนักเดินทาง
อิ่มบุญ สุขใจ-ไหว้พระ ขอพร
ตระเวนกิน-เมนูเด็ดต่างแดน
ตามรอยหนังฮิต-ซีรีส์โดนใจ
บันเทิง-และความสนุก
ธรรมชาติ-และการผจญภัย
วัฒนธรรม-และประวัติศาสตร์
อัพเดตสถานการณ์-COVID19
ตามดู 10 ประเทศน่าเที่ยวที่สุดปี 2020 ที่จัดอันดับโดย Lonely Planet เว็บไซต์ท่องเที่ยวชื่อดังของโลก มาดูกันว่าปีนี้มีประเทศไหน? การท่องเที่ยวแบบไหน?... ติดอยู่ในเทรนด์บ้าง
1. ภูฏาน (Bhutan)
ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าประชากรมีความสุขที่สุดในโลก ด้วยวิถีชีวิตที่เรียบง่ายคุณภาพชีวิตที่ดี ภูฏานเป็นประเทศเล็กๆ ในบริเวณเทือกเขาหิมาลัย ที่นี่มีการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของประเทศน้อยที่สุด โดยมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว วิถีชีวิตชาวพุทธของชาวภูฏาณนั้นนับว่ายังเหนียวแน่นอยู่ รวมไปถึงการเคารพธรรมชาติด้วย ภูฏานมีอากาศที่แสนบริสุทธิ์จนเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีค่าคาร์บอนเป็นลบ ทางประเทศยังตั้งเป้าไว้ด้วยว่า จะเป็นประเทศแรกที่ทุกอย่างจะต้องเป็นออแกนิคภายในปี 2020
2. อังกฤษ (England)
เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความปลอดภัยสูง ทุกวันนี้ชายทะเลของอังกฤษนั้นเป็นสถานที่ๆ เงียบสงบ คนท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวต่างพากันมาเดินเล่นรับลมริมทะเล ชมปลาโลมาพร้อมวิวสวยๆ แล้วก็ไปกิน Fish and Chips อร่อยๆ ในร้านดีๆ สักแห่ง การท่องเที่ยวที่กำลังเป็นเทรนด์ในอังกฤษตอนนี้คือ การขับรถเที่ยวตามเมืองชายทะเลต่างๆ ซึ่งในปี 2020 นี้ก็จะมีการเปิดเส้นทางใหม่เรียกว่า England Coast Path ระยะทางรวมกว่า 3,000 ไมล์ไปตามแนวชายฝั่งด้วย ซึ่งจะเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวใหม่ของประเทศสำหรับผู้ที่ชื่นชอบ Road Trip
3. มาซิโดเนียเหนือ (North Macedonia)
สาธารณรัฐนอร์ทมาซิโดเนีย หรือชื่อเดิม มาซิโดเนีย ประเทศเล็กๆ ในแถบมหาสมุทรบอลข่าน หลังจากจัดการปัญหาความขัดแย้งเรื่องอาณาเขตกับกรีซไปเมื่อปี 2018 ทางมาซิโดเหนือก็เดินหน้าเรื่องการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ จนปัจจุบันกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อด้านธรรมชาติ ศาสตร์ในการทำอาหาร และวัฒนธรรมต่างๆ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติชื่อว่า High Scardus Trail มีความยาวถึง 495 กิโลเมตร ทอดตัวยาวไปตามแนวเขา เรียกได้ว่าดึงดูดนักผจญภัยให้เข้ามาได้เป็นอย่างดี ในปีนี้มีการเปิดเส้นทางการบินไป ทะเลสาบ Ohrid หนึ่งในไฮไลท์ระดับ 5 ดาวของประเทศ ที่ได้รับการคุ้มครองจาก UNESCO
4. อารูบา (Aruba)
เกาะขนาดเล็กในทะเลแคริบเบียน มีความยาวเพียง 32 กิโลเมตร ที่นี่ได้รับฉายาว่า Sunrise City นอกจากวิวทิวทัศน์ของทะเลงาม น้ำทะเลใส หาดทรายขาวบริสุทธิ์ในแบบแคริบเบียนแล้ว ทั้งเมืองยังเต็มไปด้วยสีสันของอาคารต่างๆ ที่แต่งแต้มด้วยงานศิลปะ ของศิลปินท้องถิ่น และศิลปินต่างประเทศ มีการจัดเทศกาลศิลปะทุกๆ ปี ที่นี่ให้ความสำคัญกับพลังงานที่ยั่งยืน มีการรณรงค์ให้เป็นเกาะปลอดพลาสติก และมีการห้ามใช้ครีมกันแดดที่มีสารเคมีที่มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม และทำลายปะการังทั้งหมดภายในปี 2020
5. เอสวาตินี (eSwatini)
เอสวาตินี ชื่อเดิมว่า สวาซิแลนด์ ที่นี่ไม่มีทางออกสู่ทะเลเลย แต่ก็เป็นอาณาจักรที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติสไตล์แอฟริกาใต้ มีกิจกรรมผจญภัยหลากหลาย เช่น Zip line เดินป่า ล่องแก่ง หรือไปส่องแรดก็ดูตื่นเต้นดี เอสวาตินีเพิ่งเปิดสนามบินนานาชาติเพิ่ม แถมมีการพัฒนาถนนระหว่างเขตอนุรักษ์ และเมืองหลวงด้วย ซึ่งทำให้ในปี 2020 น่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนมากขึ้น ใครชอบเที่ยวแนวซาฟารีแบบดั้งเดิมน่าจะชอบที่นี่
6. คอสตาริกา (Costa Rica)
คอสตาริกา ประเทศเล็กๆ ที่เน้นหนักเรื่องการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ที่นี่ เป็นดั่งสวรรค์ของการท่องเที่ยวป่าเขตร้อน ซึ่งมีธรรมชาติบริสุทธิ์ทั้งรูปแบบป่า เขา น้ำตก ภูเขาไฟ ไปจนถึงทะเลถือว่าครบครันเลยทีเดียว โดยมีจุดเด่นด้านความหลากหลายของสัตว์ป่าในแต่ละสปีชีส์ที่ล้วนหาชมได้แค่ที่นี่เท่านั้นอย่างการเผ้ามองเจ้าสลอธนอนหลับบนต้นไม้ ชมกบต้นไม้ตาแดง และปลาวาฬในมหาสมุทรแปซิฟิก รวมถึงกิจกรรมการผจญภัยที่น่าตื่นเต้น เช่น เดินขึ้นไปชมภูเขาไฟ แล้วโรยตัวลงมาจาก zip line เป็นต้น
7. เนเธอร์แลนด์ (The Netherlands)
หลังจากเป็นเอกราชมาได้ 75 ปีหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เนเธอร์แลนด์ก็เตรียมจัดงานฉลองอย่างยิ่งใหญ่ทั่วประเทศ ตั้งแต่เมืองใหญ่อย่างอัมสเตอร์ดัม ไปจนถึงเมืองต่างจังหวัดที่เดินทางไปได้ง่ายๆ ผ่านระบบรถไฟดีเยี่ยมที่มีอยู่ทั่วประเทศ โดยงานจะจัดในช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคม เราสามารถไปปั่นจักรยานเล่นนอกเมืองก็ได้ ซึ่งที่นี่มีเส้นทางจักรยานรองรับ รวมแล้วกว่า 35,000 กิโลเมตร ที่จะนำให้คุณไปสำรวจแหล่งท่องเที่ยวได้มากกว่าเดิม
8. ไลบีเรีย (Liberia)
ด้วยความที่เป็นประเทศเล็กๆ ที่ลึกลับในดินแดนแอฟริกาตะวันตก ใครหลายๆ คนคงยังไม่รู้จัก จึงทำให้น้อยคนจะรู้ว่าที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะชายหาดต่างๆ ที่เป็นดั่งสวรรค์ของเหล่านักโต้คลื่น ไลบีเรียยังมีที่เที่ยวแบบป่าดิบชื้นอยู่ด้วย ที่อุทยานแห่งชาติ Sapo ซึ่งเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของแถบแอฟริกาตะวันตก ด้วยความที่ป่ายังมีความดิบอยู่มาก เราจึงสามารถพบเห็นได้ทั้งชิมแปนซี ฮิปโป ช้างป่า ฯลฯ ประเทศแห่งนี้ยังได้ทำข้อตกลงกับนอร์เวย์เพื่อการอนุรักษ์ป่าไม้ไว้เป็นสมบัติแก่คนรุ่นหลังอีกด้วย
9. โมร็อคโค (Morocco)
ดินแดนที่มีความหลากหลายทางภูมิประเทศมาก ตั้งแต่ทะเลทรายแห้งแล้ง ชายฝั่งทะเล และเทือกเขาสูง การเดินทางภายในประเทศมีความสะดวกมากขึ้นด้วยรถไฟความเร็วสูง ที่เชื่อมทุกเมืองทางภาคเหนือ กับตามแนวชายฝั่งทะเล และถนนต่างๆ ที่โมร็อคโคได้สร้างขึ้น ที่นี่เป็นสวรรค์ของผู้ที่ชอบเสพงานศิลปะ และสถาปัตยกรรม เพราะมีศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์แบบแอฟริกาตอนเหนือ และเมืองดังอย่างมาร์ราเกซยังได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองหลวงของวัฒนธรรมแอฟริกันด้วย
10. อุรุกวัย (Uruguay)
แม้จะเป็นประเทศเล็กที่อยู่ระหว่างบราซิล และอาร์เจนตินา แต่ก็มีสิ่งที่น่าค้นหาอยู่มากมาย แถมขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศโซนอเมริกาใต้ที่ผู้คนเป็นมิตร และยังเป็นดินแดนที่มีความเสรีในหลายๆ ด้าน ทั้งเรื่องสิทธิความเท่าเทียมทางเพศของชาว LGBTQ+ กฎหมายเรื่องกัญชาเสรี และเป็นประเทศผู้นำด้านพลังงานสะอาด ฯลฯ โดยแหล่งท่องเที่ยวที่เด่นสุดของที่นี่คือ การเที่ยวไปตามแนวชายฝั่งทะเลที่มีความยาว 660 กิโลเมตร รวมถึงพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ขอบคุณภาพ และข้อมูลจาก :
- https://expatexplore.com/blog/things-to-see-do-in-ohrid-north-macedonia/
- https://luxuryescapes.com/de/offer/twin-share---low-season/0060I00000db5dwQAA
- https://www.traveldailymedia.com/costa-rica-named-un-champion-of-the-earth/
- https://www.jenmansafaris.com/de/what-do-see-eswatini/
- https://hallo-amsterdam.com/jordaan-viertel/
- https://www.meeting-point.com/destinations/morocco/
- https://travel.trueid.net/detail/vV4lz7vgoopV
- https://www.andbeyond.com/small-group-journeys/bhutan-wellness-journey/
วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วราราม นับว่าเป็นอีกหนึ่งวัดที่อยู่คู่กับชาวร้อยเอ็ดมาอย่างยาวนาน และมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก กับพระมหาเจดีย์ชัยมงคล ที่เรียกได้ว่ามีความสวยงามราวกับอยู่ในวิมานสวรรค์เลย
อุบลราชธานี เป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามอยู่มากมาย วันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวสายธรรมชาติกับ สามพันโบก ที่ถูกขนานนามว่าเป็น แกรนด์แคนยอนเมืองไทย
นครศรีธรรมราช ดินแดนภาคใต้ของประเทศไทย เป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมาย และอีกหนึ่งแห่งที่ต้องห้ามพลาดกับ วัดเขาขุนพนม วัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในถ้ำ มีประวัติศาสตร์อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน