เรื่องไม่ลับ-ฉบับนักเดินทาง
อิ่มบุญ สุขใจ-ไหว้พระ ขอพร
ตระเวนกิน-เมนูเด็ดต่างแดน
ตามรอยหนังฮิต-ซีรีส์โดนใจ
บันเทิง-และความสนุก
ธรรมชาติ-และการผจญภัย
วัฒนธรรม-และประวัติศาสตร์
อัพเดตสถานการณ์-COVID19
อิตาลีรื้อฟื้น Wine windows จากศตวรรษที่ 17
แม้ว่าร้านอาหารในเมืองฟลอเรนซ์จะถูกสั่งปิดงดให้บริการเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด19 ยังมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจร้านอาหารสามารถไปต่อได้นั่นก็คือ wine windows หรือหน้าต่างไวน์จากศตวรรษที่17 ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง
“Wine Window” คือ การส่งไวน์ผ่านหน้าต่างบานเล็ก แล้วทำไมเขาต้องส่งไวน์ผ่านเจ้าหน้าต่างบานเล็กๆ นี้? Wine Window คืออะไรและเกิดขึ้นมาเพื่ออะไร?
ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 สมัยที่เมืองฟลอเรนซ์ ยังเป็นเมืองหลวงของอิตาลี ตอนนั้นยุโรปกำลังอยู่ในช่วงยุคเรอเนสซองส์ หรือยุคแห่งการฟื้นฟูด้วยศิลปะ ซึ่งคนอิตาลี ก็มีการนำศิลปะมาประยุกต์ฟื้นฟูบ้านเมืองที่ทรุดโทรม แต่นอกเหนือจากการมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามแล้ว อิตาลียังเป็นศูนย์รวมทางการค้าขายของทวีปยุโรป ทำให้ฟลอเรนซ์กลายเป็นจุดแลกเปลี่ยนสินค้า ที่มีพ่อค้าจากทั่วทุกมุมโลกแวะเวียนมาไม่ขาดสาย
และด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้เมืองฟลอเรนซ์ ต้องประสบกับปัญหาโรคระบาดครั้งยิ่งใหญ่ นั่นก็คือโรค “กาฬโรค” หรือ “Black Death” ที่เคยส่งผลให้ผู้คนล้มตายกันเกือบครึ่งทวีปยุโรป การแพร่ระบาดของกาฬโรคนี้ สามารถติดต่อจากการไอจาม และการสัมผัส ทำให้คนในยุคนั้นต้องมีมาตรการ “เว้นระยะห่าง” เหมือนในปัจจุบัน ทำให้ “Buchette Del Vino” หรือ “Wine Window” เป็นที่พบเห็นได้ทั่วไป Wine Window คือ รูบนกำแพงที่ถูกเจาะให้มีรูปร่างเหมือนหน้าต่างขนาดเล็ก มีความสูงเพียง 30 เซนติเมตร และกว้างเพียง 20 เซนติเมตร มีไว้สำหรับเป็นช่องทางซื้อขายไวน์ โดยที่ผู้ซื้อและผู้ขายไม่จำเป็นต้องสัมผัสโดนกันและกัน เพื่อความปลอดภัยในการซื้อขายลดการแพร่ระบาดเช่นเดียวกับในปัจจุบันที่มี social distancing ทำให้ wine windows มีมากกว่า 180 ร้านในเมืองฟลอเรนซ์
วิธีการใช้ช่อง “Wine Window”
เริ่มแรกตัวช่องหน้าต่างเล็กๆ นี้ จะถูกปิดด้วยประตูหน้าต่างที่ทำจากไม้ เมื่อลูกค้าต้องการซื้อไวน์ ก็จะส่งสัญญาณด้วยการเคาะ “ก๊อก ก๊อก” ที่แผ่นไม้ หลังจากนั้นเจ้าของร้าน ก็จะยื่นขวดไวน์ผ่านทางช่องนี้ออกมาส่งให้ โดยลูกค้าสามารถซื้อไวน์ได้ทั้งแบบเป็นขวด หรือจะรีฟิลใส่ขวดของตัวเองก็ได้ ซึ่งหากต้องการแบบรีฟิล คนขายก็จะรินไวน์ผ่านท่อเหล็กที่ยื่นออกมาจากหน้าต่างบานนั้นแทน ส่วนการจ่ายเงินนั้นก็ปราศจากการสัมผัสตัว เพราะผู้ซื้อจะวางเงินลงบนถาดเหล็ก หลังจากนั้นเจ้าของร้านก็จะนำเงินไปล้างกับน้ำส้มสายชูเพื่อฆ่าเชื้อ อย่างไรก็ตามเมื่อการระบาดของโรคจบลง หน้าต่างส่งไวน์เหล่านี้ ก็ค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา บ้างก็ถูกโบกปูนทับ บ้างก็ถูกทำลายทิ้ง บางแผ่นไม้ก็หายไปพร้อมกับน้ำท่วมครั้งใหญ่ จนกระทั่ง เมื่อมีการระบาดของโควิด 19 อย่างรุนแรง ผู้คนในอิตาลี จึงถูกบีบบังคับให้กลับมาใช้ชีวิตแบบเว้นระยะห่างอย่างเคร่งครัดอีกครั้ง ทำให้หลายร้านในเมืองฟลอเรนซ์ ดึงเอาเสน่ห์ของ หน้าต่างส่งไวน์ มาปรับให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน และนำมาเป็นกลยุทธ์ทางการค้า จากช่องที่เอาไว้ส่งไวน์ในอดีต ก็เปลี่ยนมาเป็นช่องสำหรับส่งอาหารแบบ “Grab & Go” แทน ซึ่งมีขายทั้งไวน์ เครื่องดื่มอื่นๆ ไอศกรีม และอาหารต่างๆ แม้ว่าในภาพรวมโควิด 19 จะเป็นสิ่งที่สร้างความเสียหายไม่ใช่น้อย แต่ท่ามกลางวิกฤติ ก็มักจะมีสิ่งที่เรียกว่า “โอกาส” อย่างโรคระบาดในครั้งนี้ แม้จะทำให้ผู้คนต้องห่างเหินกัน แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็เป็นการพาเสน่ห์อันเก่าแก่ ที่เคยหายไปหลายศตวรรษ ให้กลับมาใกล้ชิดเราอีกครั้ง
หลังจากคลายล็อคดาวน์ wine holes หรือ wine windows ดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกมาที่เมืองฟลอเรนซ์เพื่อเยี่ยมชมและใช้บริการเป็นจำนวนมาก
Brando Gozzini หนึ่งในเจ้าของร้านอาหาร Babae ที่มีลูกค้าแวะมาใช้บริการอย่างมากมายได้กล่าวว่า การล็อคดาวน์ที่ผ่านมานั้นมันสำคัญสำหรับคนในพื้นที่เพื่อที่จะเรียนรู้ประวัติศาตร์ที่ผ่านมาของเมืองฟลอเรนซ์ ไวน์หน้าต่างนั้นทำให้ผู้คนในเมืองมีความสุข
ที่มา http://www.bbc.com/travel/story/20200910-florences-wine-portals-from-the-17th-century
“ทีรามิสุ” แม้ฟังแล้วสำเนียงอาจจะเหมือนภาษาญี่ปุ่น แต่ไม่ใช่นะ! แท้จริงแล้วเป็นขนมหวานจากอิตาลี ซึ่งปัจจุบันนิยมไปทั่วโลก มีแทบทุก Cafe
Capri เกาะสวรรค์ทางตอนใต้ของ ประเทศอิตาลี ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของธรรมชาติสุดมหัศจรรย์ นั่นก็คือ Blue Grotto ถ้ำสวยที่มีปรากฎการณ์เรืองแสงสีน้ำเงินเมื่อกระทบกับแสงแดดจากปากถ้ำ บอกได้เลยว่าสวยอลังการสุดๆ